RakDok X The Blooms Orchid Park นิทรรศการเพื่อการอนุรักษ์กล้วยไม้ไทย
The Blooms Orchid Park สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมกล้วยไม้ที่ปลูกในสวนป่า และยังเป็นเกษตรกรผู้ผลิตและส่งออกดอกกล้วยไม้
จากสถานการณ์โรคระบาด (COVID-19) ดอกกล้วยไม้ที่สวนไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ ไม่มีคำสั่งซื้อจากตลาด สวนขาดสภาพคล่องจากการส่งออก ส่วนสวนป่าอุทยานกล้วยไม้ที่คุณวิทยาและครอบครัว ใช้เวลากว่า 10 ปีในการเปลี่ยนท้องนาให้เป็นผืนป่าสำหรับอนุรักษ์กล้วยไม้ป่าและกล้วยไม้สายพันธุ์ที่หายากของไทย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จนกระทั่งต้องปิดให้บริการ และหากยังปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายต่อไปแบบนี้ สวนป่ากล้วยไม้ที่ถูกรักษาไว้อย่างดีจนสามารถผลิตและนำไปขยายพันธ์ุจนสามารถส่งกลับไปปลูกคืนตามธรรมชาติได้ อาจมีอันสิ้นสุดลงพร้อมกับ Passion ของคุณวิทยาเอง
RakDok ได้รับการติดต่อเข้ามาดูพื้นที่ เพื่อหาทางออกของปัญหาและเพื่อให้ดอกกล้วยไม้ป่าได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไป หลังจากการสำรวจพื้นที่แล้วเห็นว่าสถานที่มีความน่าสนใจในการจัดนิทรรศการ RakDok Floral Destination จึงได้มีการวางแผนการจัดนิทรรศการขึ้น เพราะต้องการให้กล้วยไม้ป่าและกล้วยไม้สายพันธุ์หายากของไทยได้รับการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นมรดกให้เยาวชน และผู้ที่สนใจได้มีสถานที่เรียนรู้และชื่นชมมรดกของชาติสืบไป
นิทรรศการ RakDok Floral Destination | มหัศจรรย์แดนมาลี จัด ณ The Blooms Orchid Park ได้แยกออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือ ส่วนของอุทยานสวนกล้วยไม้ และส่วนของนิทรรศการซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ ส่วนของสวนป่าอุทยานกล้วยไม้ จะมีการจัดแสดงดอกกล้วยไม้ที่ผลิตในเชิงพาณิชย์นานาๆ ชนิด และมีป่ากล้วยไม้ป่าและกล้วยไม้หายาก แหล่งปลูกอุดรซันไฌน์และกล้วยไม้สกุลช้างซึ่งกล้วยไม้ป่าที่ปลูกตามธรรมชาติจะทยอยออกดอกตั้งแต่เดือนธันวาคมยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ (ปกติกล้วยไม้ป่ามักจะออกดอกตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม) แล้วแต่สายพันธุ์
ส่วนที่สอง คือพื้นที่ของนิทรรศการ RakDok ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการจัดนิทรรศการประกอบนิทานที่เขียนขึ้นโดย Joe Rainforest โดยนิทรรศการ RakDok Floral Destination | มหัศจรรย์แดนมาลี จะเป็นการจัดฉากประกอบนิทานดอกไม้ (A Floral Tale) มหัศจรรย์แดนมาลี (Return to Innocence) ตื่นตาตื่นใจกับฉากนิทานดอกไม้กว่า 20 ฉากสร้างสรรค์จากโครงสร้าง ดอกไม้สด ดอกไม้เสมือนจริง และไม้ดอกไม้ใบกระถาง
The Story Of
มหัศจรรย์แดนมาลี
RakDok Floral Destination | Return to Innocence
Introduction Chapter | An Old Days
(Scene 1.) An Old Book (หนังสือเล่มเก่า)
เวลาที่ประสบปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ การงาน สุขภาพ หรือความรัก คุณเลือกรับมือกับปัญหาด้วยวิธีไหน สำหรับผมแล้ว บ่อยครั้ง “การอ่านหนังสือ” มักถูกเลือกใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับปัญหา อ่านเพื่อให้เกิดปัญญา และยังเชื่ออยู่เสมอว่า ‘สติและปัญญา’ คืออาวุธที่ดีที่สุด
อีกครั้งที่ปัญหาพาผมกลับมาที่ชั้นวางหนังสือ ผมเก็บหนังสือเก่าไว้หลายเล่ม บางเล่มอ่านจบไปหลายรอบ ในขณะที่บางเล่มตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยเปิดอ่านแม้แต่หน้าเดียว หนังสือบางเล่มเคยถูกใช้เป็นกุญแจไขไปหาทางออกของปัญหา ในขณะที่บางเล่มก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังสือ แต่เป็นที่เก็บความทรงจำ ผมรื้อดูไปเรื่อยจนเจอหนังสือเก่าเก็บเล่มหนึ่ง เก่าขนาดที่นั่งจามน้ำหูน้ำตาไหลจากอาการแพ้ฝุ่นเมื่อคลี่หน้าหนังสือออกอ่าน
หลังจากปัดฝุ่นออกอย่างเบามือ พลิกดูหนังสือเล่มนั้นไปเรื่อยจนไปถึงหน้าที่มีดอกไม้สดที่ผมเคยทับเก็บไว้ขั้นอยู่ระหว่างหน้าหนังสือ สีน้ำตาลแห้งกรังคงแทนคำตอบที่ชัดเจนได้ว่ามันถูกทิ้งไว้นานแค่ไหน มันนานจนผมเองก็จำไม่ได้ว่านานแค่ไหน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่มันทำให้ผมคิดได้ว่า ผมลืมการเก็บความสุขที่ยิ่งใหญ่จากดอกไม้ดอกเล็กๆ ลืมว่าความสุขของผมเคยเกิดขึ้นจากสิ่งที่เล็กมาก เล็กมากจริงๆ
วัยเด็กที่จากผมไปนานแล้วถูกแทนที่ด้วยภาระหน้าที่และความรับผิดชอบเยอะแยะมากมาย สวนดอกไม้หลังบ้านเก่าโทรมหลังหนึ่ง ผมเคยใช้ชีวิตและขลุกอยู่กับมันทั้งวัน ปลูกต้นไม้ที่พ่อแม่ซื้อมาให้ ดอกไม้ที่เกิดจากเมล็ดที่ปลูกเองกับมือ ถูกแทนที่ด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยค่าตอบแทนในรูปแบบความสุขที่น้อยนิด
เรื่องราวในหนังสือไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้ แต่ความสุขความทรงจำที่แห้งตายอยู่ในหนังสือต่างหากคือความสุขที่ผมเก็บลืมในคลังความทรงจำของผม ที่ทำให้ผมยิ้ม
(จบฉาก 1)
Chapter I | Waking Up in A Nightmare (ฝันร้าย)
(Scene 2.) In The Middle of Nowhere (ดินแดนไร้ชื่อ)
“มหัศจรรย์แดนมาลีเป็นโลกของเด็กน้อย แต่เป็นเด็กน้อยที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ใหญ่หลายๆ คน”
บ่อยครั้งการลืมตาขึ้นในความฝัน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราอยู่ที่ไหนบนโลก หรือมันอาจจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกก็ได้
การลืมตาตื่นขึ้นมาในที่ที่เราไม่คุ้นตามันคงไม่ใช่เรื่องผิดปกติหากเกิดขึ้นในความฝัน และ ณ ขณะเวลาที่เราเผชิญหน้ากับโลกที่ไม่คุ้นเคยอยู่นั้น เรื่องราวที่ไร้ซึ่งแบบแผน เกินจริง มักจะเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้ เตียงนอนตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งคือเรื่องผิดปกติสำหรับชีวิตปกติ ทุ่งดอกไม้เบาแห้งโอบรอบ และกลีบดอกไม้ดอกเล็กร่วงปะปนกันอยู่กับซากปีกผีเสื้อ ในขณะที่ยังมีผีเสื้อขยับปีกบินไปมา ใช้ชีวิตอยู่เพื่อเหตุผลบางอย่างที่มันเองก็อาจจะไม่เข้าใจ
(Scene 3.) The Gate (ซุ้มประตู)
ผีเสื้อไม่เคยรู้ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร แต่ผีเสื้อรู้ว่าที่ไหนมีดอกไม้ น้ำหวานจากดอกไม้คือสิ่งที่มันแสวงหา เด็กน้อยได้แต่เดินตามผีเสื้อบอบบาง บินผ่านทุ่งแล้งดอกไม้แห้ง จนมาหยุดอยู่หน้าซุ้มกลางสวนร้าง จุดที่ผีเสื้อน้อยขยับปีกครั้งสุดท้ายก่อนปล่อยร่างปลิวร่วงลงที่หน้าซุ้มดอกไม้ที่หลงเหลือเป็นซากเหี่ยวแห้งไร้ชีวิตติดคาอยู่ที่โครงเหล็ก
(Scene 4.) Forgotten Town (เมืองที่ถูกลืม)
เมื่อหมดผู้นำทาง การเดินสำรวจเมืองร้าง เป็นทางเลือกเดียวที่พอจะทำได้ สภาพเมืองที่ถูกทิ้งลืมยังมีร่องรอยเค้าโครงความสวยงาม ซึ่งมากพอจะนึกภาพได้ว่าที่นี่เคยสวยงามแค่ไหน ผู้คนในเมืองนี้หายไปไหนหมด เกิดอะไรขึ้นในเมืองนี้
(Scene 5. ) No Food Dining (มื้ออาหารที่ไร้อาหาร)
โต๊ะอาหารที่เห็นเพียงร่องรอยของความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงาม วันนี้ไร้อาหาร ไร้ผู้คน ไร้เสียงหัวเราะ สิ่งที่หลงเหลือชวนให้ใจหดหู่เงียบเหงา ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ที่ยืนให้ร่มเงามานานดูเซื่องซึม ลำแสงที่เล็ดลอดทอดลงพื้นดิน ไม่เพียงพอที่จะให้ดอกไม้ต้นเล็กๆ เติบโตไปจนถึงวันที่จะผลิดอกออกเมล็ด
Chapter ll | Butterfly Kingdom
(Scene 6.) A Familiar Face (ใบหน้าที่คุ้นเคย)
เด็กน้อยย่างก้าวตามทางเดินไปเรื่อยจนถึงลำธาร แล้วนั่งลงปนครุ่นคิดอยู่ริมน้ำ คำถามมากมายในความงุนงงเริ่มกวนใจ สักครู่เด็กน้อยก็ยืดคอยื่นหน้าเพื่อมองหาอะไรบางอย่างในลำธารแทนการตอบคำถามในหัวของตัวเอง ใช่แล้ว เราเคยสนุกกับการมองหาปลาในที่ที่มีน้ำใส แต่สิ่งที่เด็กน้อยเห็นกลับไม่ใช่ปลา แต่เป็นภาพใครบางคนสะท้อนเป็นเงาอยู่ที่ผิวน้ำ คนที่เด็กน้อยน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี
(Scene 7.) Flying in Swirl (ปลิวไปใต้สายน้ำ)
ใบหน้าในน้ำทำให้ลืมระวังตัว เด็กน้อยพลัดลื่นตกลงไปในลำธาร พร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด น้ำหมุนมาพร้อมกับเกลียวคลื่นที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากไหน ได้สะบัดเกลียวเกรี้ยวกราดหมุนเหวี่ยงร่างเด็กน้อยไปมาอย่างไร้ทิศทาง
(Scene 8.) Streaming (ตามน้ำ)
เด็กน้อยถูกเกลียวน้ำส่งเข้าไปติดอยู่ในทุ่งสาหร่าย มันช่วยหยุดร่างเด็กน้อยไม่ให้ไหลลอยไปตามกระแสน้ำ เด็กน้อยพยุงตัวไม่ให้จมน้ำ และพยายามตะเกียกตะกายเข้าหาฝั่ง เมื่อปีนขึ้นฝั่งได้ เด็กน้อยทิ้งร่างเปียกโชกนอนหงายลงบนลานแห้งใต้ต้นไม้ใหญ่ หลับตาตั้งสติรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
(Scene 9.) The Cocoon (ดักแด้)
ตาที่หลับอยู่ค่อยๆ ลืมขึ้น เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ขยับบินไปมาอยู่ใกล้ตัว ถึงแม้ว่าลมใต้ปีกจะเบาบางมาก แต่ก็พอจะเดาได้ว่า สิ่งที่บินอยู่รอบๆ มีจำนวนเยอะมากจนรู้สึกได้ถึงสัมผัสของลม
ภาพที่เห็นคือฝูงผีเสื้อ และที่อยู่ไม่ห่างตัวมันก็คือดักแด้รังใหญ่ เด็กน้อยถูกน้ำพัดมาที่แดนดินที่ผีเสื้อนับร้อยนับพัน บินโฉบไปมาอย่างไร้เหตุผล หรือมันกำลังดีใจ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผีเสื้อเหล่านี้ร่าเริงผิดปกติ
(Scene 10.) Birth of Hope (กำเนิดความหวัง)
พลันรังดักแด้ก็ค่อยฉีกออก กลีบปีกแทรกช่องว่างของรังที่ฉีกเป็นแนว ก่อนที่จะคลี่ปีกออกอวดทุกสายตา หลังจากขยับปีกได้ไม่นาน ผีเสื้อยักษ์ผิดขนาด ก็กระพือปีกโบยบิน ไม่ทันตั้งตัว มันก็บินเข้าไปตะปบจับร่างเด็กน้อยด้วยขาทั้งหมดไว้แน่น ก่อนจะบินทยานพุ่งไปข้างหน้าโดยที่เด็กน้อยไม่รู้จุดหมาย
(Scene 11.) Petalless Flowers (ดอกไม้ไร้กลีบ)
ผีเสื้อยักษ์อุ้มเด็กน้อยบินผ่านทุ่งดอกไม้ที่ไร้กลีบ เหลือเพียงเกสรสวยที่ฝ่อแห้งตามกาลเวลา ดอกไม้บางชนิดมีอาหารให้แมลง ในขณะที่บางชนิดดักแมลงเป็นอาหาร ผีเสื้อตัวที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น ที่จะบินพาเด็กน้อยให้ไปส่งถึงแดนมาลี
Chapter lII l Seeds of Hope (เมล็ดพันธ์ุแห่งความหวัง)
(Scene 12.) Arriving The Kingdom of Flowers (เขตแดนมาลี)
ผีเสื้อปล่อยเด็กน้อยลงที่กลุ่มเกสรหนานุ่มที่แดนมาลี จากนั้นก็บินจากไป ภาระหน้าที่ของมันเสร็จสิ้นแล้ว ความหวังหลังจากนี้คือการรอคอยว่าวันหนึ่งมันจะพาฝูงผีเสื้อครอบครัวของมัน จะได้มีโอกาสกลับมาโบยบินอยู่ในแดนมาลีที่อุดมสมบูรณ์อย่างมีความสุขอีกครั้ง
(Scene 13.) The Key (ปริศนา)
“ยินดีต้อนรับสู่แดนมาลี” เสียงแว่วมาจากพุ่มดอกไม้
“ไปเอาเมล็ดพันธ์ุที่เจ้าเก็บไว้กลับไปสร้างแดนมาลี” เสียงเบาแผ่วแต่ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงที่คุ้นมาก มากจนเหมือนเด็กน้อยพูดประโยคนั้นออกมาเอง เสียงนั้นดนใจให้เด็กน้อยปรายมองไปที่บนเนินเขาสูงอย่างไม่รู้ตัว กระท่อมน้อยถูกห่อหุ้มด้วยหิมะขาวโพลน
(Scene 14.) The Seeds (เมล็ดพันธ์ุ)
เด็กน้อยรีบเดินขึ้นเขาสูงไปเรื่อยเหมือนรู้ว่าอะไรถูกเก็บไว้ที่นั่น อะไรที่ว่าถูกเก็บลืม แต่สิ่งที่ถูกลืมไม่เคยจะหมดกำลังใจที่จะรอ ทันทีที่ประตูกระท่อมถูกเปิดออก เมล็ดดอกไม้นานาพันธุ์ก็ไหลทะลักออกมาจากช่องประตูอย่างมากมาย
เด็กน้อยโกยเมล็ดดอกไม้เท่าที่จะทำได้ ก่อนจำนำเมล็ดดอกไม้หว่านโปรยลงดินเหมือนที่เคยทำ ใช่เหมือนที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว และมันนานมากจนความทรงจำเกือบจะถูกเวลาลบเลือน
(Scene 15.) First Spring (สัมผัสแรกแห่งฤดู)
เพียงเมล็ดพันธ์ุที่นอนนิ่งบนผืนดินสัมผัสละอองน้ำและแดดอ่อน ดินแดนที่เคยว่างเปล่าก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยสีเขียวของใบไม้ ชั่วพริบตาดอกไม้สารพัดสี ก็แย่งกันอวดกลีบสวยเต็มท้องทุ่งปะปนผสมอยู่กับทุ่งหญ้าเขียว ผีเสื้อหลากสีสันบินโฉบบินแวะดอกไม้ไปมา ช่วยให้ดอกไม้พร้อมที่จะสร้างเมล็ดพันธุ์ในรุ่นต่อไป
(Scene 16) The Kingdom of Flowers (แดนมาลี)
แดนมาลีคือดินแดนแห่งความฝันและเต็มไปด้วยความสุข วันนี้เด็กน้อยเดินเข้าไปในสวน แล้วบรรจงเก็บเมล็ดพันธ์ุดอกไม้ที่ตนเองชอบที่เริ่มแก่จัดจัดเต็มสองกำมือ
Ending Chapter l Conclusion by Doing (บทสรุปต่างบท)
บางคนได้รับเมล็ดดอกไม้ แต่ก็ไม่ได้นำมันกลับไปปลูกในทันที รอวันว่างที่ไม่เคยมาถึง เมล็ดดอกไม้อยากกลับสู่ทุ่งดอกไม้ แต่เมล็ดบางเมล็ด ก็ไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น เมื่อไม่ได้รับน้ำ ไม่ได้นอนในดินอุ่น และไม่มีแสงแดดคอยปลุกให้ตื่นและเติบโต ไม่นาน พวกมันก็จะกลายเป็นฝุ่นผงกลับไปสู่แดนดินที่ถูกลืมอีกครั้ง
(Scene 17) Weed Flowers (วัชพืช)
เมล็ดดอกไม้บางส่วนถูกหว่านทิ้งอย่างไร้ค่า จะเกิดหรือตาย ขึ้นอยู่กับการหยิบยื่นโอกาสจากธรรมชาติ หากเมล็ดตกไปอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ก็พอจะมีโอกาสเกิดอีกครั้ง หากเกิดอยู่บนดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์ ดอกไม้ก็ทำได้เพียงรอวันที่ผีเสื้อจะโบยบินพาละอองเกสรของมันเดินทางไปหาความหวังใหม่
(Scene 18.) Flower Field (ทุ่งดอกไม้)
เมล็ดดอกไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรงจำนวนมาก อาจถูกสายลมพัดปลิวไปร่วงหล่นลงบนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ ถึงแม้ไร้การเหลียวแล แต่เมื่อฤดูกาลที่เหมาะสมมาถึง มันจะเริ่มต้นชีวิตผลิใบอ่อน และเติบโตสวยงามเป็นดอกไม้เบ่งบานท่ามกลางทุ่งดอกไม้นานา
(Scene 19.) Flowers are Treasures (ดอกไม้ในแปลงปลูก)
เมล็ดพันธ์ุบางส่วนถูกนำไปปลูกอย่างตั้งใจ ปรับปรุงพันธุ์ดอกไม้ผ่านนวัตกรรม เพิ่มสีสัน สร้างคุณสมบัติใหม่และรูปทรง ออกมายั่วยวนตาชาวโลก จนสุดท้ายกลายเป็นดอกไม้สวยที่นำประโยชน์มาสู่เหล่าผู้ที่มองเห็นประโยชน์ และนำไปใช้ประโยชน์สารพัน สร้างรายได้และอนาคต
(Scene 20.) Wall or Way (กำแพงหรือทางไป)
สุดท้ายดอกไม้จะมีประโยชน์หรือไม่ อยู่ที่มุมมอง เมื่อมองเห็นประโยชน์ มันจะถูกพัฒนาต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ และจะกลายเป็นเรื่องเล่าถ่ายทอดผ่านนิทรรศการ รักดอก RakDok วันแล้ววันเล่า เล่าแล้วเล่าอีกอย่างไม่รู้จบสิ้น
ความจริงแล้ว ใครก็สามารถเล่าเรื่องจากดอกไม้ได้ เรื่องใหม่รอการมาเล่า อีกครั้งที่ผมเดินไปเด็ดดอกไม้ในสวน แล้วนำไปทับเก็บไว้ใน ‘มหัศจรรย์แดนมาลี’ เผื่อวันหนึ่งผมลืมความสุขในสวนดอกไม้เล็กๆ หลังบ้าน ดอกไม้ที่ผมทับเก็บความทรงจำไว้ อาจจะร่วงออกมาทักทาย และพาผมกลับไปหาเมล็ดแห่งความฝันอีกครั้งในแดนมาลี
(Ended Scene) Butterflies (จบบริบูรณ์ กับ ฝูงผีเสื้อ)
ว่ากันว่าผีเสื้อสื่อถึงสัญลักษณ์ของชีวิตที่ไม่มีวันตาย ตราบใดที่ยังเห็นผีเสื้อโบยบิน ถึงแม้ที่สถานที่แห่งนั้น จะไม่มีดอกไม้ให้เห็น แต่ให้เชื่อเถอะว่า ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถานที่แห่งนั้น จะมีดอกไม้เบ่งบานอยู่อย่างแน่นอน
จัดสรรเวลาให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อมในการไปเยี่ยมเยือนดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ เพราะแดนมาลีเป็นเพียงโลกแห่งจินตนาการ ดังนั้นจะปรากฎอยู่บนโลกนี้เพียง 3 เดือน หลังจากนั้น แดนมาลีทั้งเมืองจะสูญสลายหายไปตลอดกาล
Soft Opening 5 – 7 December 2020
RakDok Floral Weeks | มหัศจรรย์แดนมาลี
Return to Innocence | A RakDok Floral Tale
สถานที่จัดนิทรรศการ ตั้งอยู่ที่ The Blooms Orchid Park จังหวัดราชบุรี
***การแสดงความคิดเห็น*** An Appropriate Comment is Always Welcome! รักดอกน้อมรับทุกคำติชมจากการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ เพื่อทีมงานรักดอกจะนำไปพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการ และแก้ไขปัญหาในแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณในคำติที่ก่อประโยชน์เพื่อการแก้ไขให้ส่วนรวมได้รับบริการที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นบริษัทฯ มีแนวทางในการจัดนิทรรศการเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี จึงขอทำการลบคอมเม้นท์ที่ใช้คำพูดไม่สุภาพ ก้าวร้าว หรือคอมเม้นท์ที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท หรือในส่วนการลงข้อมูลด้านเดียวจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ที่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือให้ข้อเท็จจริงไม่ครบจนกระทั่งเกิดความเสียหาย บริษัทฯ ขออนุญาตใช้มาตราการที่เหมาะและได้รับการยอมรับทางสังคม ในการยุติปัญหาเพื่อความเป็นธรรมของทั้งผู้จัดงานและผู้โพสต์ และเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องในการอยู่รวมกันในสังคมต่อไป
เนื่องจากนิทรรศการ RakDok Floral Destination | The Hidden เป็นนิทรรศการดอกไม้รูปแบบใหม่สำหรับผู้รักการถ่ายภาพ บางวัน (โดยเฉพาะวันหยุด) มีผู้เข้าชมงานจำนวนมาก ดังนั้น ขอให้นักท่องเที่ยวศึกษา ทำความเข้าใจและวางแผนการเข้าชมนิทรรศการก่อนเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน จะได้เข้าชมนิทรรศการได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น
ขอบคุณมากครับ
ทีมงานรักดอก