“..Life will be a breeze you know I really should be glad 
But I’m bluer than blue Sadder than sad” 

“..ชีวิตเหมือนลมพัดอ่อน เธอก็รู้ ฉันควรมีความสุข
แต่ฉันกลับยิ่งกว่าทึมเทา และเศร้ายิ่งกว่าเศร้า”

(Bluer than Blue – Michael Johnson)

    มีคนเคยบอกว่าเวลาที่เราเศร้า ทำนองของเพลงเศร้ายิ่งฟังดูโศกกว่าที่เคย แน่นอนว่าไม่มีใครจะจัดการกับความเศร้าที่เกิดขึ้นได้ดีไปกว่าเจ้าตัวอีกแล้ว ถึงอย่างนั้นในฐานะคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน, ไม่ว่าจะเกี่ยวโยงกันด้วยมิตรภาพหรือความเสน่หา, ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะถือโอกาสหยิบยื่นความปรารถนาดีให้ คำปลอบโยน ความห่วงใย ความใส่ใจเล็ก ๆ แม้จะเป็นเหมือนม้วนกระดาษที่ไม่อาจซับท้องทะเลทั้งผืนให้ความทุกข์โศกเหือดแห้งไปได้ ทว่าก็ยังดีกว่าจะปล่อยให้คนสำคัญในชีวิตเดินลุยช่วงเวลาอันยากลำบากนั้นเพียงลำพัง 

    ความปรารถนาดีนั้นไร้รูป, เราต่างใช้ขนม ของขวัญ หรือมื้ออาหารในการแสดงออกถึงความรู้สึกภายใน ในบรรดาสิ่งของเหล่านี้มีของอยู่ชิ้นหนึ่งที่ทั้งอ่อนหวาน ทั้งแฝงด้วยความรู้สึกอันละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะในยามทุกข์ สุข เศร้า เหงา หรือโดดเดี่ยว ไม่มีใครไม่ชื่นชอบ ‘ดอกไม้’ ดอกไม้สีสันสดสวยเมื่อจับคู่กับทฤษฎีสีที่ส่งผลต่ออารมณ์แล้วยิ่งฟังดูเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยสำหรับทำหน้าที่แทนคำปลอบโยนยามอีกคนตกอยู่ในบ่วงอารมณ์ด้านลบ ดอกไม้ช่อเดียวอาจไม่สามารถทำให้เธอลืมเขาไปจากใจได้ แต่อย่างน้อยหากทำให้เธอร้องไห้น้อยลงได้หนึ่งครั้งย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน

Mellow Yellow
‘ความสดใสในวันที่โศกเศร้า’

ดอกไม้สีเหลือง: ทานตะวัน, ดารารัตน์, ทิวลิป, เบญจมาศ, บัตเตอร์คัพ, ตาเสือ 

    สีเหลืองเป็นสีแห่งความสุข ไม่ว่าจะเป็นเหลืองสดใสที่ทำให้จิตใจรู้สึกเริงร่า หรือสีเหลืองนวลตาที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยาจากความทุกข์โศก เฉดสีเหลืองนั้นทำให้จิตใจคนรู้สึกผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ อาจเพราะเป็นเฉดเดียวกับแสงอาทิตย์ที่ขับไล่ความมืดทึบทึมเปล่าเปลี่ยว ดอกไม้สีเหลืองจึงเป็นของขวัญที่เหมาะสมจะมอบให้กับคนสำคัญที่กำลังตกอยู่ในห้วงเหวแห่งความเศร้า คุณอาจมัดทานตะวันรวมกันสักช่อ ความหมายของดอกทานตะวันที่นอกจากจะหมายถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนสองคนแล้ว ยังหมายถึงความสุข และมุมมองในแง่บวกต่อชีวิต วันนี้เศร้าวันหน้าสุข เหมือนดอกทานตะวันที่พร้อมจะเบ่งบานรับแสงอีกครั้งเมื่อวันใหม่มาถึง ยังมีดอกไม้สีเหลืองอื่น ๆ ที่นอกจากจะกระตุ้นคนมองให้อารมณ์เบิกบานขึ้นแล้ว ยังแฝงความหมายดีๆ ไว้ด้วย เช่น ดอกดารารัตน์ที่สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ หรือบัตเตอร์คัพที่เป็นตัวแทนของความสุข ความร่าเริง

Exciting Red
‘เร้าชีวิตอันแสนจืดชืด’

ดอกไม้สีแดง: กุหลาบ, ป็อปปี้, หงอนไก่, ชบา, เยอบีรา

    ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ยิ่งนานไปความผูกพันอาจยิ่งเพิ่มพูนขึ้น แต่เมื่อชีวิตซ้ำรอยเดิมจนกลายเป็นวัฏจักรก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ความจืดชืดจะคืบคลานเข้ามาในความรู้สึก การมอบดอกไม้โดยเฉพาะดอกไม้สีแดงจึงเหมือนเป็นการช่วยเติมความกระชุ่มกระชวยให้กับชีวิต ช่วยกระตุ้นเร้าพลังงานในทางบวก เพราะสีแดงคือสีที่มีพลังงานมากที่สุด ช่วยดึงเอาความตื่นเต้น ตื่นตัวในใจคนออกมา แฝงไปด้วยความรู้สึกรัก และความปรารถนาอันแรงกล้า คุณอาจมอบกุหลาบแดงให้กับคนรักเพื่อเน้นย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าความรู้สึกที่มีให้นั้นยังคงเข้มข้นอยู่เสมอ หรืออาจจะเป็นเยอบีราสีแดงที่แฝงความหมายถึงรักอันดื่มด่ำลุ่มหลง หรือแม้ในยามที่ใครคนหนึ่งรู้สึกหมดไฟ ทดท้อ หมดกำลังใจในการทำอะไรสักอย่าง การมอบช่อดอกหงอนไก่ที่มีรูปร่างเหมือนเปลวเพลิงสีแดงสด และมีชื่อภาษาอังกฤษมาจากรากศัพท์คำว่าเผาไหม้ ก็เป็นอีกวิธีที่ดีที่จะช่วยเติมไฟที่ใกล้มอดดับให้กลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้ง

Sweetie Pink
‘ในขมมีหวาน’

ดอกไม้สีชมพู: คาร์เนชัน, คาเมเลีย, ดอกบ๊วย, ซากุระ, โบตั๋น, บีโกเนีย

    สีชมพูเป็นสีแห่งความโรแมนติก ความอ่อนหวาน และความอ่อนไหว อย่างไรก็ตามในเชิงทฤษฎียามที่คนรู้สึกว่าชีวิตกำลังมีรสขมติดปลายลิ้น สีชมพูก็เป็นเหมือนขนมสายไหมที่ช่วยเปลี่ยนรสสัมผัสอันไม่ต้องใจนั้นให้กลายเป็นความนุ่มหวานได้ ดอกไม้สีชมพูนอกจากจะเป็นสื่อแทนความในใจเพื่อบอกรักใครสักคนแล้ว ยังช่วยให้คนที่มองรู้สึกยินดี ทำให้รู้สึกสดชื่น ปลุกพลังแห่งวัยเยาว์ ทั้งยังกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เหมือนได้รับขนมหวานที่เป็นขุมพลังยามเป็นเด็ก ดอกคาร์เนชั่นสีชมพูมีความหมายถึงความรักจากแม่สู่ลูก หรืออาจแทนความปรารถนาดีที่อยากให้ใครอีกคนมีชีวิตที่หอมหวาน แต่หากอยากเอาใจใครสักคน การส่งราชินีแห่งความงามอย่างดอกโบตั๋น หรือตัวแทนแห่งความรักโรแมนติกอย่างบีโกเนียสีชมพูก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่จะทำให้ใครนั้นยิ้มกว้างไปได้ทั้งวัน

Inspired Purple
‘ปลุกแรงบันดาลใจ’

ดอกไม้สีม่วง: ไฮเดรนเยีย, วิสทีเรีย, ลาเวนเดอร์, กล้วยไม้, อัลเลียม, ไอริส

    สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของคนเรารู้สึกไม่สดชื่นเหมือนเก่าคือช่วงเวลาที่เรารู้สึกหมดแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ชีวิตวนเวียนเหมือนเดิมทุกวัน ในสภาพแวดล้อมเก่าๆ กิจวัตรเดิมๆ นี่คือช่วงเวลาที่ชีวิตของคุณกำลังต้องการสีสันเข้ามากระตุ้นแรงบันดาลใจในชีวิต อย่างที่รู้กันว่าสีม่วงคือสีแห่งความมั่งคั่ง ความสูงส่ง และความลึกลับ การได้ดอกไม้สีม่วงสักช่อมาประดับไว้ในห้องจึงไม่ได้ช่วยเพิ่มแค่ความรู้สึกสง่างาม หรูหรา แต่สีม่วงยังมีประโยชน์ในแง่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นเร้าความรู้สึกที่อยากค้นหา ทั้งยังช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เปิดสมองรับความคิดใหม่ๆ หากคนสำคัญของคุณกำลังรู้สึกกระวนกระวายใจไม่เป็นสุขกับชีวิต ลองส่งลาเวนเดอร์ให้เขาสักช่อ สีม่วงของกลีบดอกและกลิ่นหอมจะช่วยให้จิตใจของเขาสงบลง แล้วอาจตามด้วยกล้วยไม้สีม่วงสักกระถางเพื่อบอกว่าคุณพร้อมจะยอมรับ และสนับสนุนเขาเสมอไม่ว่าเขาจะอยากลองทำสิ่งใหม่ ๆ ใดในชีวิต

Peaceful White
‘จัดระเบียบจิตใจ’

ดอกไม้สีขาว: ลิลลี่, มะลิ, พุด, เดซี่, ลีลาวดี, แมกโนเลีย, ลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์

    ชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยเกินไปทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายได้ง่าย โดยเฉพาะจิตใจที่ไม่เคยได้รับการจัดระเบียบมาเป็นเวลานาน เหมือนน้ำที่ไม่ถูกกรองนานไปก็เริ่มขุ่นเต็มไปด้วยตะกอน ถ้าจะมีดอกไม้สักชนิดที่น่าจะช่วยเยียวยาจิตใจอันว้าวุ่นได้ แน่นอนว่าดอกไม้นั้นน่าจะเป็นดอกไม้สีขาว เพราะสีขาวคือสีแห่งความสะอาด บริสุทธิ์ เป็นสีแห่งความเรียบง่ายที่ช่วยให้จิตใจของคนมองรู้สึกสงบสุข และได้รับการชำระล้าง นอกจากนี้ดอกไม้สีขาวส่วนใหญ่มักมีข้อชดเชยความจืดชืดของสีสันด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างดอกมะลิที่ให้กลิ่นหอมเย็น ไม่ว่าจะเด็ดทั้งช่อปักในแจกันเตี้ย หรือเด็ดเฉพาะดอกใส่กระทงใบตองวางไว้ข้างหมอน อาจจะเป็นดอกแมกโนเลียที่ให้กลิ่นหอมแรง หอมนาน ก็เป็นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมในทางหนึ่ง นอกจากนี้หากอยากได้ดอกไม้สีขาวที่ความหมายดีเพื่อมอบให้คนสำคัญสักช่อ ดอกลิลลี่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว เพราะนอกจากจะหมายถึงความบริสุทธิ์ อ่อนเยาว์แล้ว ยังอาจหมายถึงการกำเนิดใหม่ เหมือนจิตใจที่ถูกจัดระเบียบจนหายสับสนวุ่นวายแล้วนั่นเอง

Healthy Green
‘ชุบชูสุขภาพใจ’

ดอกไม้สีเขียว: บัว, เบลล์ ออฟ ไอร์แลนด์, เดย์ลิลลี่

    ในธรรมชาติ สีเขียวคือสีแห่งใบไม้ หากจะมีพืชสีเขียวที่รูปทรงเจริญตาเจริญใจก็มักจะเป็นประเภทไม้อวบน้ำ หรือไม้ประดับประเภทใบเสียเป็นส่วนใหญ่ มีดอกไม้ไม่กี่สายพันธุ์ที่จะมีสีเขียว ทำให้นอกจากดอกบัวที่ผู้คนนิยมใช้ดอกตูมบูชาพระแล้ว ดอกไม้สีเขียวก็ไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมสำหรับใช้มอบให้คนอื่นสักเท่าไหร่ ถึงกระนั้นในยามที่ใครสักคนเหนื่อยล้า เจ็บป่วยทางกายหรือใจ ดอกไม้สีเขียวกลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะใช้ชุบชูใจใครคนนั้นได้ เพราะสีเขียวคือสีแห่งธรรมชาติ เป็นสีแห่งความชุ่มชื่น และการมองโลกในแง่ดี ทั้งยังแฝงความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับโชคลาง และการมีสุขภาพดีรวมกันในสีเดียว ยามมองดอกไม้สีเขียวผู้คนจึงรู้สึกเป็นธรรมชาติ รู้สึกถึงการเติบโต และถูกเยียวยาไปในคราวเดียวกัน หากอยากมอบดอกไม้สีเขียวให้ใครสักคน ถ้าไม่อยากใช้ดอกบัวให้ผู้รับคิดว่ากำลังถูกเคารพบูชาจนเก็บมากระเซ้า เบลส์ ออฟ ไอร์แลนด์ที่มีความหมายแฝงถึงการอวยพรให้โชคดีก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

Calmly Blue
‘โอบอุ้มอย่างอบอุ่น’

ดอกไม้สีฟ้า: อัญชัน, เดลฟินเนียม, ไฮยาซินธ์, มอร์นิงกลอรี, ฟอร์เก็ตมีน็อต, เนโมฟีลา

    สงบ อบอุ่น ปลอดภัย เหมือนอยู่ในอ้อมกอดใครสักคน นั่นคือความรู้สึกยามที่คุณจ้องมองสีฟ้า อาจเพราะสีฟ้าคือสีของท้องฟ้าเบื้องบน และพื้นน้ำที่อยู่เบื้องล่าง คือสีของธรรมชาติที่โอบอุ้มสรรพชีวิตทั้งหลายเอาไว้ ทั้งยังเป็นสีของความงอกงาม การสร้างสรรค์ให้บังเกิด และความห่วงใย การมอบดอกไม้สีฟ้าจึงเป็นเหมือนการหยิบยื่นมือ หรืออ้อมกอดให้กลาย ๆ ช่วยเหนี่ยวรั้งคนที่กำลังรู้สึกจิตใจอ่อนไหวให้รู้สึกเหมือนได้รับการดูแลปกป้อง ดอกมอร์นิงกลอรีมีความหมายถึงรักที่ไม่หวังผลตอบแทน หรือแฝงนัยถึงการให้กำลังใจให้ใครคนนั้นมีแรงที่จะลุกขึ้นเดินตามความฝัน ดอกไฮยาซินธ์คือความจริงใจ ขณะที่เดลฟินเนียมแฝงความหมายถึงการปกป้องจากอันตราย หรือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น แม้ในบางขณะสีฟ้าอาจเป็นตัวแทนของความเศร้า แต่เชื่อว่าหากมีใครส่งดอกไม้มาให้คุณในวันที่หมดกำลังแรงใจ ไม่ว่าจะสีอะไรก็ทำให้ผู้รับชื่นใจได้อย่างแน่นอน