กุหลาบ
"Oh dear! is Summer over?" I heard a rosebud moan, When first her eyes she opened, And found she was alone. "โอ้ ที่รัก! ฤาคิมหันต์ผันผ่านพ้น?" ฉันยินยลตูมกุหลาบรำพันแผ่ว ยามเนตรงอนปรือเผยเฉลยแวว จึงแจ้งแล้วเหลือหล่อนย่ำเพียงลำพัง" Oliver Herford
Meaning
Petal or thorn. We love and we mourn.
กลีบกุหลาบฤาหนามแหลม ยามรักจึงร้อนเร่า สิ้นคืนเคล้าจึงคร่ำครวญ อาจเพราะสากลถือเอากุหลาบเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก กวีนิพนธ์จนถึงงานศิลปะต่างๆ จึงปรากฏภาพของไม้ดอกกลิ่นหอมนี้แทบนับนิ้วไม่ถ้วน กุหลาบต่างสีให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไป รักเธอทั้งหมดของหัวใจคือกุหลาบแดง รักแสนหวานคือกุหลาบชมพู สีขาวคือรักอันบริสุทธิ์ ขณะที่กุหลาบเหลืองแทนมิตรภาพอันมั่นคง จำนวนกุหลาบที่ใช้มอบให้อีกฝ่ายยังเป็นตัวกำหนดข้อความที่ต้องการสื่อสาร 1 ดอกคือรักแรกพบ 99 ดอกคือฉันจะรักเธอจนวันตาย ถ้ามอบดอกไม้ 108 ดอกคือคำขอแต่งงาน ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องราวเชิงโรแมนติก ในหลายคราวกุหลาบยังได้รับเกียรติให้รับบทนำในโศกนาฎกรรมแสนเศร้า ตัวอย่างที่คุ้นหูที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นบทละครพูดคำฉันท์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 อย่าง ‘มัทนะพาธา’ ตำนานดอกกุหลาบซึ่งว่าด้วยจุดจบของหญิงสาวผู้ทุกข์เทวษเพราะความรัก เข้าตำราธรรมชาติของดอกไม้ เพราะกุหลาบงามมีหนามแหลม ยามรักหลงใหลหากเผลอไผลใครบ้างไม่ถูกทิ่มตำ
Send love into the space
ส่งความรักสู่อวกาศ
ในปี 1998 เพื่อทำการทดสอบเกี่ยวกับกลิ่นที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยในดอกไม้ กุหลาบต้นน้อยถูกแพ็คใส่กระสวยอวกาศส่งออกไปโคจรนอกโลกร่วมกับเที่ยวบิน STS-95 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์การ NASA และ International Flowers & Fragrances (IFF) ไม่มีใครรู้ว่าความรักสามารถเติบโตเมื่อเคลื่อนตัวออกนอกโลกได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในการทดลองครั้งนี้พบว่ากุหลาบให้กลิ่นใหม่ที่แตกต่างไปจากกลิ่นบนโลกโดยสิ้นเชิง และกุหลาบสองดอกก็สามารถเบ่งบานในอวกาศได้อย่างแน่นอน
History
จากหลักฐานฟอสซิลที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบระบุว่ากุหลาบอาจมีต้นกำเนิดครั้งแรกย้อนไปถึงราว 35 ล้านปีก่อน โดยเป็นพืชพื้นถิ่นที่พบได้ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ ไปจนถึงแอฟริกา มีตำนานปรัมปราเล่าลือถึงการกำเนิดดอกกุหลาบอยู่หลายขนาน แต่ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวความรักของ อโฟรไดท์เทพีแห่งความรักและความงาม
วันหนึ่งอโดนิสชายชู้รักของนางถูกหมูป่าขวิดตาย ด้วยความรักที่ท่วมท้น และความเศร้าเสียใจจึงบันดาลโลหิตที่หลั่งไหลให้กลายเป็นดอกกุหลาบ บางตำรากล่าวว่าดอกกุหลาบเผยแพร่สู่วัฒนธรรมสวนหลังบ้านครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อราว 5,000 ปีก่อน ขณะที่ยุคสมัยอาณาจักรต่างๆ ทั่วโลกต่างก็รับเอากุหลาบเข้าไปเป็นส่วนสำคัญทั้งในแง่ของสัญญะ ตลอดจนการใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเชิงการแพทย์ การกลั่นน้ำหอม หรือกระทั่งใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารในเวลาถัดมา
Culture
ดอกไม้กับวัฒนธรรม
ดอกกุหลาบมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมอังกฤษอย่างเหนียวแน่นมาตั้งแต่อดีต ในช่วงศตวรรษที่ 15 กุหลาบได้กลายไปเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการต่อสู้อันลือลั่นระหว่างสองราชวงศ์ที่รู้จักกันในนาม ‘สงครามดอกกุหลาบ’ ก่อนที่ต่อมากุหลาบทิวดอร์อันผสมผสานระหว่างสีแดงและสีขาวของสองราชวงศ์จะกลายมาเป็นดอกไม้ประจำชาติอังกฤษ นอกจากนี้ดอกกุหลาบยังเป็นสัญญะที่มีบทบาทสำคัญในคริสต์ศาสนาว่ากันว่าดอกกุหลาบแดงคือโลหิตของพระเยซูคริสต์ยามสวมมงกุฎหนาม ส่วนกุหลาบขาวความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพระแม่มารี ขณะที่ในวัฒนธรรมสากลไม่ว่าจะเป็นซีกโลกตะวันตกจรดฝั่งตะวันออก ผู้คนต่างเข้าใจตรงกันว่ากุหลาบคือตัวแทนแห่งความรัก
Anecdote
กุหลาบที่แพงที่สุดในโลกถูกสร้างขึ้นโดยชายผู้มีชื่อว่า David Austin เขาใช้เวลาถึง 15 ปีในการพัฒนาสายพันธุ์จนได้กุหลาบดอกแน่นสีพีชอมแอปริคอต ดูอ่อนหวาน งดงาม และหรูหรา กุหลาบดอกนี้ถูกแนะนำให้โลกรู้จักในปี 2006 ภายใต้ชื่อ Juliet Rose ซึ่งว่ากันว่ามีมูลค่าถึง 3 ล้านปอนด์ หรือราว 117 ล้านบาท
