คามิเลีย
History
ถึงแม้ดอกคามิเลียจะเป็นดอกไม้เมืองหนาว ทำให้หลายๆ คนคิดว่าคามิเลียมีต้นกำเนิดจากยุโรป แต่ที่จริงแล้วการเพาะพันธุ์คามิเลียเริ่มต้นมาจากเอเชียตะวันออก นี่เป็นเหตุผลที่ดอกคามิเลียปรากฏอยู่ในผลงานศิลปะต่างๆ ของประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนอีกต่อหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อของคามิเลียก็ถูกตั้งตาม จอร์จ โจเซฟ คาเมล (Georg Joseph Kamel) มิชชันนารีและนักพฤกษศาสตร์ชาวฟิลิปปินส์ที่นำดอกไม้ชนิดนี้ไปเยือนยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยคาร์ล ลินนัส (Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนเป็นผู้ตั้งชื่อดอกไม้ชนิดนี้ว่า คามิเลีย ตามชื่อจอร์จ โจเซฟ คาเมล เพื่อเป็นการให้เกียรติเขา
Culture
หากตัวแทนของความรักของวัฒนธรรมฝั่งยุโรปคือดอกกุหลาบแล้วละก็ ดอกคามิเลียก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความรักในประเทศฝั่งตะวันออกอย่างจีนและญี่ปุ่น นอกเหนือจากความหมายในเชิงสัญลักษณ์ที่ใกล้เคียงกันแล้ว ดอกคามิเลียยังมีลักษณะกลีบซ้อนที่คล้ายคลึงกับกุหลาบ ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น กุหลาบญี่ปุ่น (Rose of Japan) อีกด้วย
ดอกคามิเลีย หรือที่เรียกกันว่า สึบากิ ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นสื่อถึงจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิและนิยมนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เพราะมีความหมายเป็นมงคล ในญี่ปุ่นดอกสึบากิสีแดงสื่อถึงความรักที่สมบูรณ์แบบและความอ่อนน้อมถ่อมตน สึบากิสีขาว หมายถึงความงามอันไร้ตำหนิและความรักในอุดมคติ และดอกสีเหลืองหมายถึงความปรารถนา คนญี่ปุ่นนิยมมอบดอกสึบากิให้คนรัก และนิยมนำลวดลายดอกสึบากิสีแดงไปประดับตกแต่งในงานศิลปะแขนงต่างๆ
ในประเทศจีน ดอกคามีเลีย หรือ ซานฉาฮวา (山茶花) นิยมมอบให้เป็นของขวัญสื่อถึงความรักและความซื่อสัตย์ กลีบดอกคามิเลียถือเป็นตัวแทนของเพศหญิง ส่วนก้านและฐานรองดอกเป็นตัวแทนของเพศชาย อีกทั้งลักษณะที่สมมาตรเท่ากันทุกด้านทำให้ดอกคามิเลียเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบและความเป็นเลิศ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิในช่วงตรุษจีนด้วย
นอกจากนี้ ซานฉาฮวา (山茶花) หรือแปลตรงตัวว่าดอกชาขุนเขา ยังสามารถนำมาต้มเป็นน้ำชาในอดีตแพทย์จีนจากยุคราชวงศ์ชางนำใบของต้นซานฉาฮวามาต้มเป็นชา เพื่อใช้รักษาโรคต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ โรคเกี่ยวกับหัวใจ หรือแม้แต่รักษาอาการติดเชื้อ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของดอกคามิเลียในประเทศจีน จึงไม่น่าแปลกใจว่าดอกคามิเลียจึงปรากฏอยู่ในศิลปะ เครื่องกระเบื้อง และวรรณกรรมจีนโบราณมากมาย ส่วนในประเทศเกาหลี ดอกคามิเลียมีชื่อว่า ดอกทงแบค (동백꽃) เป็นสัญลักษณ์ของความสุขและความยืนยาว ดอกคามิเลียจึงเป็นที่นิยมนำมาใช้ในงานแต่งงาน หรือช่วงซอลลัล (설날) หรือวันปีใหม่เกาหลี ซึ่งตรงกับช่วงตรุษจีนนั่นเอง
Anecdote
ในนวนิยายเรื่อง La Dame aux Camélias หรือ Camille (ชื่อภาษาอังกฤษ) ของ Alexandre Dumas ตัวเอกของเรื่องคือมาร์เกอริท โกติเย่ร์ ได้รับการขนานนามว่า “หญิงสาวแห่งดอกคามิเลีย” เพราะเธอใช้ดอกคามิเลียสื่อสารกับบรรดาคนรัก เธอใช้ดอกสีแดงสื่อถึงช่วงที่เธอมีประจำเดือน และดอกสีขาวเพื่อบอกเหล่าคนรักว่าประจำเดือนของเธอหมดลงแล้ว
ดอกไม้สื่อความฝัน: ตามตำราเชื่อว่า หากฝันถึงดอกคามิเลีย แปลว่าคุณกำลังคิดถึงใครบางคนที่อยู่ห่างไกล
Love, Desire, and Perfection
ความรัก ความปรารถนา และความสมบูรณ์แบบ
หากพูดโดยรวม ดอกคามิเลียหมายถึงความปรารถนา ความละเอียดอ่อน และความซื่อสัตย์ ดอกคามิเลียสีชมพู สื่อถึงความคะนึงหาดอกคามิเลียสีแดง สื่อถึงความรักและความปรารถนา ดอกคามิเลียสีขาว สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความเอ็นดู และความรักระหว่างแม่กับลูก หากใช้ในงานศพ ดอกคามิเลียสีขาวยังสามารถสื่อถึงการไว้อาลัยให้กับคนที่จากไปได้ด้วย
Basic Facts
Reference
https://www.goodreads.com/quotes/tag/camellia
https://www.azquotes.com/quotes/topics/camellias.html
https://www.flowermeaning.com/camellia-flower-meaning/
https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/camellia
https://www.britannica.com/plant/Camellia
https://onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1111/curt.12213