ซึ่งการสร้างสรรค์ชิ้นงานคราฟต์ลงบนดอกกุหลาบครั้งนี้ในฐานะที่ King คือศิลปินนักปักผ้าผู้เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองเธอจึงบรรจงทุกการปักคำหรือประโยคลงบนดอกด้วยสองมือพร้อมใส่สัญลักษณ์อื่น ๆเข้าไปที่อาจไม่ใช่คำแต่เป็นรูปซึ่งสื่อความหมายได้ตามที่ฝีเข็มและเส้นด้ายของเธอจรดลงผิวกลีบดอกและใบ
สำหรับการเลือกใช้สี King ตั้งใจเลือกสีโทนคู่ตรงข้ามระหว่างดอกกุหลาบกับเส้นด้ายในงานปักครั้งนี้เพื่อเพิ่มความโดดเด่นของชิ้นงานและบางชิ้นยังปักด้วยด้ายหลายชั้นเพื่อเพิ่มความรู้สึกเมื่อปลายนิ้วได้สัมผัสลงบนคำต่าง ๆบนดอกกุหลาบ
“เธอคือคนที่ทำให้รักครั้งนี้พัง”
นอกจากนี้เธอยังหวังว่าคำต่าง ๆและรูปภาพที่เธอพิถีพิถันปักลงบนกลีบและใบของดอกกุหลาบจะเป็นตัวแทนของการส่งเสริมพลังให้ผู้หญิงมองเห็นคุณค่าในตัวเองรวมถึงสะท้อนถึงประเด็นต่าง ๆที่เกิดขึ้นในสังคมยุคใหม่เรียกได้ว่าความคิดของ Sophie King ที่ถ่ายทอดสู่การปักและดอกไม้เป็นสิ่งที่เบลอเส้นกั้นของงานฝีมือธรรมชาติและศิลปะได้อย่างน่าชื่นชม