ก็ใครจะมีเวลาวิ่งลงจากรถไปชมดอกไม้ริมทางกันเล่า
การชมดอกไม้ป่ามักมาคู่กับ Road Trip หรือการเดินทางแบบขับรถเที่ยว ถนนสายชนบทมักเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าเบ่งบานสองข้างทางเพื่อรอคนที่ผ่านมาชื่นชม
Chris Helzer นักนิเวศวิทยาเจ้าของเว็บไซต์ The Prairie Ecologist รู้สึกว่าคู่มือการชมดอกไม้ป่าทั้งหลายที่มีอยู่ตามท้องตลาดนั้นไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะคู่มือเหล่านั้นมักมีภาพประกอบดอกไม้ในระยะประชิด มีลูกศรชี้โครงสร้างกลีบและเกสรพร้อมคำบรรยายอย่างจริงจัง แต่จะมีสักกี่คนที่จอดรถริมถนนเพื่อตั้งใจชมดอกไม้ข้างทางโดยเฉพาะ หากไม่ได้เป็นนักเดินป่าขาประจำ จะมีสักกี่โอกาสที่ได้ใช้เวลาพินิจพิจารณาดอกไม้เหล่านั้นอย่างใกล้ชิด
ในทางตรงกันข้าม Helzer คิดว่าเราทุกคนต่างเป็นนักท่องเที่ยวและนักเดินทางผู้เห็นดอกไม้ป่าบ่อยที่สุดจากหน้าต่างรถ ณ ความเร็ว 60-70 ไมล์ต่อชั่วโมง เขารู้สึกว่าถ้าคนส่วนใหญ่มองเห็นดอกไม้จากในรถ ทำไมไม่ทำคู่มือแนะนำการชมดอกไม้ที่ความเร็วสูงเสียล่ะ? เพราะแม้ดอกไม้ผ่านสายตาไปด้วยความเร็ว แต่เราก็ควรเรียนรู้วิธีชื่นชมดอกไม้ในเสี้ยวขณะเหล่านั้นเช่นกัน
A Field Guide to Roadside Wildflowers at Full Speed หรือ “คู่มือการชมดอกไม้ป่าบนรถด้วยความเร็วสูง (ฉบับเบลอ)” เล่มนี้ จึงเป็นความปราดเปรื่องผสมความกวนและขี้เล่นของ Helzer ที่รวบรวมภาพถ่ายดอกไม้ป่าริมทางในเวอร์ชั่นเบลอ จำลองภาพทิวทัศน์ที่ผู้คนมองเห็นดอกไม้ริมหน้าต่างจากในรถ พร้อมคำอธิบายสายพันธุ์ดอกไม้ ฤดูที่ดอกไม้บาน บอกใบ้ลักษณะภูมิทัศน์ที่มักเจอดอกไม้ รวมทั้งพันธุ์ดอกไม้ใกล้เคียงที่สามารถใช้ดูทดแทนกันได้เมื่อเห็นด้วยความเร็ว ความพิเศษของคู่มือดอกไม้ฉบับนี้จึงเป็นการคัดเลือกเฉพาะดอกไม้ป่าซึ่งมักพบบ่อยริมทางที่รถขับผ่านเท่านั้น และเป็นพันธุ์ที่คาดว่าใครก็ตามที่นั่งบนรถสามารถมองเห็นได้
แม้คู่มือฉบับนี้จะเขียนโดยอิงจากเส้นทาง Road Trip ของอเมริกาเหนือในรัฐ Kansas, Nebraska, Iowa และ South Dakota เป็นหลัก แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่า หากมองดอกไม้ด้วยความเร็ว ย่อมมีพันธุ์ดอกไม้ที่มีสีสันและรูปทรงคล้ายกันซึ่งพอจะทดแทนกันได้ คู่มือนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่ชอบเดินทาง และอยากรู้สึกรื่นรมย์กับดอกไม้บนรถ หากพร้อมแล้วเตรียมตัวสตาร์ทรถ และเชิญชมตัวอย่างดอกไม้ป่าที่ Helzer ภูมิใจนำเสนอกันได้เลย
Fourpoint Evening Primrose (Oenothera rhombipetala)
ดอกไม้ล้มลุกที่มักพบกระจุกอยู่ด้วยกันจำนวนมากในพื้นที่แห้งแล้งต่อเนื่อง หรือมีดินทราย เช่น ที่ราบ Great Plains ในอเมริกา เป็นดอกที่มักออกใบเลื้อยต่ำในช่วงปีแรกและออกดอกสีเหลืองสดใสในปีที่สอง มักออกดอกที่ยอดบนสุดของต้น ทำให้เกิดสีสันที่ตัดกันระหว่างสีเขียวของใบไม้กับสีเหลืองของดอกหากมองจากในรถ
ช่วงบาน: ฤดูร้อน
บริเวณที่มักพบ: ริมทางและดินทราย
พันธุ์ที่คล้ายกัน: ดอกอะไรก็ได้แทบทุกพันธุ์ที่เป็นสีเหลือง
Dame’s Rocket (Hesperis matronalis)
เป็นดอกไม้ที่มักพบในป่า แต่สามารถเจริญเติบโตได้บริเวณทุ่งหญ้าทั่วไปเช่นกัน สีสันอันสดใสที่เบ่งบานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้สมัยก่อนเป็นพันธุ์ที่ผู้คนนิยมปลูกริมทาง แต่ด้วยธรรมชาติของดอกไม้ป่าที่เมื่อย้ายมาปลูกในเมือง มักรุกรานพืชพื้นถิ่นของผู้คน ทำให้การปลูกดอกไม้ชนิดนี้ลดลงไป อย่างไรก็ตามยังคงมีการลักลอบจำหน่ายเมล็ดพันธุ์นี้อยู่ ทำให้ยังคงเห็นดอก dame’s rocket อยู่ริมถนนในอเมริกานอกเหนือจากในป่า สีสันโทนม่วงที่สดใสเป็นสีที่หาดอกไม้อื่นเทียบได้ยากและมักเห็นโทนสีคมชัดเมื่อมองมาจากรถ
ช่วงบาน: ฤดูใบไม้ผลิ
บริเวณที่มักพบ: ริมถนน
พันธุ์ที่คล้ายกัน: ไม่มี
Purple Loosestrife (Lythrum salicaria)
ดอก Purple loosestrife นั้นมีสีสันเด่นชัดตรงตามชื่อ คือ สีม่วงอมแดงและชมพู เป็นไม้ดอกตระกูลตะแบกที่มีลำต้นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสและใบเป็นรูปหอก สูง 3-5 ฟุต พบได้มากในถิ่นที่มีพื้นดินอับชื้น เช่น ริมแม่น้ำ ริมทะเลสาบ ริมสะพาน ถนนเปียก พืชในตระกูลที่คล้ายกันคือ Gayfeather แต่ Purple loosestrife นั้นมีสีสันที่เข้มและเด่นชัดกว่า ด้วยความที่มักอยู่ในบริเวณอับชื้นทำให้สีสันยิ่งโดดเด่นขึ้นมาจากสภาพแวดล้อม
ช่วงบาน: ฤดูร้อน
บริเวณที่มักพบ: ริมทางโดยเฉพาะพื้นที่เปียกชื้น
พันธุ์ที่คล้ายกัน: ดอกไม้สีชมพูหรือสี Magenta (ม่วงอมแดง)
Rattlesnake Master (Eryngium yuccifolium)
เป็นดอกสีขาวที่มีทรงกลมคล้ายดอกแดนดิไลออน แต่ขนาดใหญ่และมีเกสรที่แข็งแรงกว่า ด้วยรูปลักษณ์ดอกที่มีจุดเด่นและมีก้านสูงกว่าดอกอื่น ๆ ทำให้เห็นรูปทรงดอกไม้ชัดเจนจากรถแม้ขับผ่านไปด้วยความเร็วสูง
ช่วงบาน: กรกฎาคมและสิงหาคม
บริเวณที่มักพบ: ริมทางและทุ่งหญ้าโดยเฉพาะแถบตะวันออกของอเมริกา
พันธุ์ที่คล้ายกัน: พันธุ์อะไรก็ได้ที่มีก้านสูงและดอกเป็นสีขาว
ไม่มีคู่มือดอกไม้ฉบับใดที่สามารถรวบรวมพันธุ์ดอกไม้ให้ศึกษาไว้ได้ทั้งหมด แต่คู่มือชมดอกไม้ฉบับแหวกแนวเล่มนี้รวบรวมดอกไม้ทั้งหมด 27 พันธุ์ โดยคาดคะเนว่าเป็นพันธุ์ที่สามารถหาดอกไม้รูปร่างใกล้เคียงได้ หากใครอยากอ่านคู่มือฉบับเต็ม สามารถตามไปอ่านได้ที่ A Field Guide to Roadside Wildflowers at Full Speed
รตา มนตรีวัต