ภาพของหญิงสาวหน้าคมเข้ม คิ้วดกดำที่หัวคิวเชื่อมกันเป็นเส้นเดียว การแต่งกายด้วยชุดสีจัดจ้านซึ่งซ้อนทับกันหลายชั้น ปะวะหล่ำกำไลเต็มแขน พร้อมดอกไม้สีสันฉูดฉาดประดับอยู่บนมวยผม อะไรเหล่านั้นทำให้คนมองไม่อาจละสายตาไปจากเธอผู้ชื่อ ‘ ฟรีดา คาห์โล ’ ( Frida Kahlo ) ได้
ฟรีดา คาห์โล (1907- 1954) คือศิลปินหญิงชาวเม็กซิกัน เธอรู้จักโลกศิลปะผ่าน ‘ Diego Riviera ’ สามีผู้เป็น ศิลปินที่มีชื่อเสียง ของยุค ซึ่งเลิกลากันภายหลัง เพราะโดนนอกใจ และฟรีดาก็เปิดตัวเป็นไบเซ็กชวลนับแต่นั้นมา แม้เธอจะลาโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 47 ปีใน ค . ศ . 1954 แต่ชื่อเสียงและผลงานของเธอที่เต็มไปด้วยเรื่องเพศ การเมือง ความเชื่อ เรื่องลี้ลับ และความตายยังคงได้รับการกล่าวถึง และโด่งดังอย่างมากในยุค 70 ที่ทุกคนต่างเห็นความสำคัญของความเท่าเทียม จน ได้รับการยกย่องว่าเป็นไอคอนของชาวเฟมินิสต์
แน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นสำหรับฟรีดา และมักถูกเห็นเป็นอย่างแรกเสมอคือ ดอกไม้สีสันฉูดฉาดที่เธอปาดปลายพู่กันลงบนภาพวาด และใช้เหล่าดอกไม้เป็นเครื่องประดับร่างกาย ซึ่งทั้งสองสิ่งล้วนมีความหมายแฝงซุกซ่อนอยู่
“ I paint flowers so they will not die ” “ ฉันวาดภาพดอกไม้ เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ตาย ”
ความชื่นชอบเหล่าดอกไม้ของฟรีดา เห็นได้ชัดผ่านสวนที่บ้านในประเทศเม็กซิกันของเธอ และเมื่อเธอวาดภาพ ความงดงาม สีสัน และความมีชีวิตชีวาของทั้งไม้ดอกและไม้ใบในสวนหลังบ้านจึงกลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของงานศิลปะ รวมไปถึงซีรีส์ภาพที่คนทั่วโลกรู้จักอย่าง ภาพวาดเซลฟ์พอร์ทเทรต ซึ่งเธอวาดไว้กว่า 143 รูป โดย 55 รูปในจำนวนหลักร้อย เป็นภาพวาดตัวเธอเองท่ามกลางองค์ประกอบต่าง ๆ และสีสันที่สื่อถึงมวลความรู้สึก เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่เธอต้องพบเจอในแต่ละช่วงชีวิต
หนึ่งในภาพวาดที่เราดูแล้วสะเทือนใจไม่น้อยคือ ‘ Henry Ford Hospital ’ ( 1932 ) ซึ่งเป็นภาพสื่อถึงตัวเธอยามแท้งลูก เพราะตลอดชีวิตเธอ ต้องเข้ารับการผ่าตัดกว่า 35 ครั้ง เนื่องจาก โรคโปลิโอ ตอน 6 ขวบ และอุบัติเหตุรถชนตอนอายุ 18 ปี จนทำให้ เธอไม่สามารถมีลูกได้และแท้งลูกถึง 2 ครั้ง
ภาพชิ้นนี้จึงเป็น ภาพ ของ ตัวเ ธอนอน ร้องไห้ เปลือยเปล่าท่ามกลางเลือดนองเตียงที่ โรงพยาบาลเฮนรีฟอร์ด ริบบิ้นสีแดง 6 เส้นเปรียบเสมือน สายสะดือ เชื่อม โยงเธอ เข้ากับตัวอ่อน เด็กทารก ผู้ชายที่เป็นลูกของเธอกับสามี เครื่องมือการแพทย์ กระดูกเชิงกราน หอยทากที่สะท้อนถึงความล่าช้าของการผ่าตัด และ ‘ ดอกกล้วยไม้ ’ ที่รูปร่างคล้ายมดลูก
สำหรับดอกไม้ในมุมเครื่องประดับชิ้นสวยของฟรีดา เธอมักใช้ดอกไม้ขนาดใหญ่ประดับบนมวยผม ใส่คู่กับกระโปรงสุ่มทรงเองที่บ้างเต็มไปด้วยลวดลายดอกไม้สีจัดจ้าน สร้อย และกำไลชิ้นโตจนสะดุดตาคนมอง แต่รู้หรือเปล่าว่าความโดดเด่นเหล่านั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อ ปกปิดความเปราะบาง
เพราะอย่างที่เราเล่าไปข้างต้นว่าฟรีดาเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเจออุบัติเหตุจนต้องเข้ารับการผ่าตัดแทบทั้งชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเลือกใช้ความเยอะเวอร์วัง ดึงความสนใจของคนมองให้อยู่ที่บริเวณผมและใบหน้า จะได้ไม่ต้องโฟกัสความพิการที่ช่วงขาและเท้าของเธอที่ไม่เท่ากันนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแฟชั่นการแต่งตัว และการประดับผมด้วยดอกไม้ของฟรีดา กลายเป็นแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยมให้กับแบรนด์แฟชั่นแนวหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Valentino Jean Paul Gaultier และ Dolce & Gabbana
เหล่านี้คือนัยยะซึ่งแฝงอยู่ในดอกไม้ที่ศิลปินหญิงชาวเม็กซิโกอย่าง ฟรีดา คาห์โล หยิบมาสะท้อนถึง แล้วทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ล่ะ เลือกใช้ดอกไม้นานาชนิดสะท้อนถึงอะไรกันบ้าง ?
Siri P.