ดอกไม้และเหล่าแมลงคือสิ่งแรกที่เธอเริ่มวาด และเมื่ออายุ 15 ปี จากความชื่นชอบวาดดอกไม้และเหล่าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยเป็นทุนเดิม ราเชลจึงตัดสินใจเข้าฝึกงานกับ Willem van Aelst จิตรกรผู้โด่งดังด้านการวาดภาพดอกไม้แห่งอัมสเตอร์ดัม ซึ่งนอกจากจะได้รับเทคนิคมากมายในการปาดปลายพู่กันให้เกิดภาพวาดดอกไม้อันงดงามแล้ว เธอยังได้เรียนรู้วิธีการจัดช่อดอกไม้ลงแจกันที่ไม่ได้เน้นรูปแบบที่ถูกต้องหรือตายตัว กลับกันนี่คือการจัดอย่างปล่อยให้เหล่าดอกไม้เข้าช่อหากันได้อย่างอิสระจนเกิดเป็นช่อดอกไม้ที่ไม่จำกัดรูปร่างแต่ดึงดูดสายตา
Still-Life with Bouquet of Flowers and Plums, 1704
วันเวลาพ้นผ่าน เธอเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ในห้องแห่งการเรียนรู้จนได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มจิตกรชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะที่ Confrerie Pictura อะคาเดมิคศิลป์แห่งนครเฮก (The Hague) ที่ซึ่งราเชลกลายเป็นสมาชิกศิลปินหญิงคนแรกของกลุ่ม
Flowers in a Glass Vase, with a Cricket in a Niche,1700
และด้วยพรสวรรค์ในการวาดภาพ ความหลงใหลในดอกไม้ หลอมรวมกับการจัดดอกไม้ไร้รูปแบบที่เธอได้ร่ำเรียน ทำให้เทคนิคการวาดภาพดอกไม้ของราเชลนั้นแตกต่างและโดดเด่นกว่าใครๆ โดยเฉพาะภาพ Flowers in a Glass Vase, with a Cricket in a Niche (1700) ภาพวาดดอกไม้ในแจกันที่ฉีกกรอบการจัดวางองค์ประกอบศิลป์แบบดั้งเดิมที่ต้องสมมาตรทุกสัดส่วน แล้วเปลี่ยนเป็นการวาดภาพที่จัดองค์ประกอบอย่างไร้สมมาตร แต่ชวนหลงใหลและดึงอารมณ์ได้มากกว่าเมื่อมอง ซึ่งภาพนี้กลายเป็นภาพที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในภาพวาดดอกไม้ที่เบ่งบานมากที่สุดของประวัติศาสตร์การวาดดอกไม้ และยังทำให้ชื่อ ราเชล รุสช์ (Rachel Ruysch) ได้รับการยกย่องในฐานะศิลปินผู้ผลักดันศาสตร์แห่งการวาดดอกไม้อีกด้วยนั่นเอง