‘ดอกกล้วยไม้ช้างกระ’ คือหนึ่งใน ‘จตุรคชาเทพ’ หรือสี่กล้วยไม้ป่าสกุล ‘ช้าง’ อันเป็นที่ นิยมยิ่งของหมู่นักเลงกล้วยไม้ไทย ด้วยเพราะเป็นกล้วยไม้ดอกสวย และมีกลิ่นหอม โดยเริ่มส่งกลิ่นกําจายตอนสาย และหอมตลบอบอวลยิ่งขึ้น ๆ ยามใกล้ตะวันตรงหัว โดยดอกจะบานอยู่ราวสองถึงสามสัปดาห์ก่อนโรยราร่วงหล่นไป ชาวเหนือเรียกขานกล้วยไม้ช้างกระอย่างภาษาพื้นเมืองล้านนาว่า ‘เอื้องต๊กโต’
หมายถึง ‘กล้วยไม้ (ลาย) ตุ๊กแก’
ต่างจากมุมมองของนักพฤกษศาสตร์ตะวันตก ซึ่งเห็นดอกกล้วยไม้ช้างกระมีลักษณะรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับ ‘จงอยปากนก’ เขาจึงตั้งชื่อให้ว่า ‘Rhynchostylis’ ตามความหมายคํา ‘Rhyncho’ อันหมายถึง ‘จงอยปากนก’ และ ‘Stylis’ ก็คือ ‘เส้าเกสร’ โดยสองคํารวมกันระบุบ่งบอก ‘ดอกกล้วยไม้ที่มีเส้าเกสร คล้ายดั่งจงอยปากนก’ นั่นเอง
ส่วนคําละตินห้อยท้าย ‘gigantea’ แปลว่า ‘ใหญ่โต’ โดยเมื่อผูกรวมกับความหมายแรกจึงขยายรูปลักษณ์ ‘ดอกกล้วยไม้ที มีเส้าเกสรคล้ายจงอยปากนกขนาดใหญ่’ อย่างเห็นภาพชัดเจนชนิดแทบไม่ต้องอาศัยจินตนาการ – Rhynchostylis gigantea
‘ดอกกล้วยไม้ช้างกระ’ พบแพร่เผ่าพันธุ์กระจายอยู่ทุกภาคของไทย เพราะมีถิ่นกําเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรานี่เอง ทั้งพม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ประเทศแถบอินโดจีน อินเดีย ศรีลังกา ภาคใต้ของหมู่เกาะทะเลจีนใต้ และหมู่เกาะอินเดียตะวันออก นับเป็นกล้วยไม้ซึ่งมีลําต้นใหญ่ (สมชื่อช้าง) ใบหนา และมีลายสีเขียวแก่สลับเขียวอ่อนขนานกันตามแนวยาวใบ แลเห็นได้ชัดทั้งผิวใบด้านบนและด้านล่าง ปลายใบหยักมนสองแฉก ช่อดอกโค้งแต่ไม่ถึงกับย้อย ซึ่งทั่วไปดอกจะมีพื้นสีขาว มีจุดกระสีม่วงแดงสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ความงามของกล้วยไม้ช้างกระอยู่ตรงลักษณะต้นกับช่อดอก อันช่อดอกซึ่งถือว่างามคือ ช่อที่ยื่นยาวออกมาทางด้านหน้าของต้น จนมองเห็นเหมือนงาช้าง
อีกกรณีหนึ่งของการได้ชื่อ ‘ช้าง’ อาจมาจากกล้วยไม้ชนิดนี้มีลักษณะลําต้น ใบ ราก ช่อ ดอก ใหญ่กว่ากล้วยไม้พันธุ์อื่น ๆ หรืออาจเพราะดอกตูมของกล้วยไม้ช้างกระมีรูปร่างคล้าย ‘หัวช้าง’ แถมยังมีเดือยดอกแทงงอกออกเหมือน ‘งวงช้าง’ อีก ต่างหาก
แม้นิยมเลี้ยงทั่วไปกันเพียงใด แต่ต้องพึงสังวรณ์ถึงเรื่องสถานภาพที่ว่า ‘ดอก กล้วยไม้ช้างกระ’ คือพืชอนุรักษ์บัญชีที่ ๒ ตาม พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘ และยังเป็นของป่าหวงห้ามตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ด้วย