แดนดิไลออนไม่เคยถอยชีวิตเพื่อหนีความตาย
1
ภาพคนต่อแถวยาวเหยียดรอรับแจกอาหารจากคนใจดีถูกลำเลียงส่งมาให้ฉันผ่านน้ำเสียงห่มกังวลจากปลายสาย – กังวลราวกับปลายสายเองก็ยืนหนึ่งอยู่ในแถวนั่นด้วย
“แถวมันยาวขึ้นทุกวันเลยนะ”
เนื้อเสียงเต้นระรัวแบบไม่เหนียมซ่อนความรู้สึก จนคนฟังอย่างฉันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขนาดย่อมที่ก่อตัวเงียบสยองติดแน่นมากับเนื้อเสียงนั่น ก่อนที่วินาทีถัดไป
ปลายสายจะทาบดอกไม้ดอกเดิมเจ้าเก่าเจ้าเดียวทับลงบนภาพสั่นไหวของชีวิตใหม่ตรงหน้า
“ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนใครเขา”
เอาอีกแล้วนะ!,
ภาพชีวิตสดใหม่แปลกตาขนาดนี้จะเล่าผ่านดอกไม้เจ้าเก่าอีกทำไมกัน? ถ้าชีวิตจะไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ ชีวิตก็จะโรยด้วยดอกไม้อะไรสักดอก…เสมอนะ
ฉันเชื่อแบบนี้ ฉันจำเป็นต้องเชื่อแบบนี้ เพราะความเชื่อนี้แบกความหวังของทั้งชีวิตเอาไว้ให้ฉัน ถ้าวันไหนชีวิตฉันเกิดหัวฟาดคะมำทิ่มคว่ำจมกองทุกข์ลงไปความเชื่อแบบนี้แหละที่จะทำให้ฉันมีกำลังใจเชิดชีวิตขึ้นมาเสนอหน้าใหม่ได้อีกรอบ และไปต่อไหวกับทุกๆ รอบที่ชีวิตพลิกคว่ำ
ไม่มีกุหลาบโรยพรมเป็นพรให้กับชีวิต – ก็ไม่มีไปสิ
โลกใบนี้ก็ยังมีดอกไม้อื่นอีกเต็มสวนรอให้เราเด็ดมาอวยพรให้ชีวิตตัวเอง, ให้ชีวิตกันและกัน
“ก็แล้วดอกอะไรล่ะ? แล้วจะสว่างไสวเท่าดอกกุหลาบมั้ย?”
ปลายสายทวงถามดอกไม้จากฉัน น้ำเสียงเข้มจริงจังราวกับประสานเสียงพร้อมกันมาจากทั้งแถวยาวเหยียดที่รอรับแจกอาหารนั่น
2
ตราบเท่าที่โลกนี้มีมนุษย์ ตราบนั้นดอกไม้ก็มีภารกิจโอบอุ้มชีวิตมนุษย์เอาไว้ไม่ว่าในโมงยามไหนของชีวิต มนุษย์ก็ล้วนหิวโหยกำลังใจด้วยกันทั้งนั้น อาหารอย่างเดียวไม่เคยพอประทังชีวิตรอดของพวกเราหรอก ต้องมีดอกไม้ด้วย – เรื่องนี้เรารู้กันดี
ว่ากันว่า ภารกิจดอกไม้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในรูปของมูลนิธิ ในทางปฏิบัติแล้ว ภารกิจดอกไม้เหล่านั้นมุ่งที่จะสาดแสงแห่งความหวังและกำลังใจเข้าไปในความมืดของชีวิตมุมต่างๆ – คนแก่ผู้เดียวดายในโลกแล้งร้าง, คนไร้บ้านผู้ซ่อนชีวิตในซอกหลืบอันคับแคบของท้องฟ้า, คนคุกผู้โหยหาอิสรภาพมือสองจากห้องขัง, เด็กกำพร้าผู้เฝ้าคิดถึงความแปลกหน้าที่ไม่เคยพบพาน, คนป่วยผู้ร้าวรานไปด้วยบาดแผลสิงแน่นชีวิต, แรงงานราคาถูกผู้หามชีวิตผ่านรุ่งค่ำแสนเหน็ดเหนื่อย ฯลฯ
แม้ภารกิจดอกไม้ทั้งหลายเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานของเมื่อวานที่ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ฉันก็ยังอยากจะเล่าต่อ และเรื่องที่จะเล่าก็เรียบง่ายแค่การส่งกำลังใจของเด็กๆ ผ่านช่อดอกไม้ เรื่องของ Ted Jessie Lang ใน The Flower Mission and What
Grew Out of It
Ted วางแผนจะส่งช่อดอกไม้ไปให้กำลังใจคนป่วยที่ยากจน ดอกไม้ของ Ted มีทั้งกุหลาบ ทานตะวันสีม่วง (heliotrope), valley-lilies และอื่นๆ – แต่สุดท้าย ทั้งหมดทั้งสิ้นในช่อดอกไม้ของ Ted กลับมีเพียงเจ้าจ้อยแดนดิไลออนเท่านั้นที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับผู้รับของเขา
ผู้รับของ Ted
ในวันนั้นคือเด็กชายขายหนังสือพิมพ์ที่ขาถูกรถทับจนแหลกละเอียดจากอุบัติเหตุบนถนน
ขาอันแหลกละเอียด, “the poor little newsboy”, และเจ้าจ้อยแดนดิไลออน พวกเขาทั้งหมดได้พบกันโดยบังเอิญบนช่อดอกไม้ของ Ted และโดยบังเอิญ…ชีวิตช่อใหม่ก็เกิดขึ้นที่นั่น เจ้าจ้อยแดนดิไลออนกลายเป็นกำลังใจที่ถูกเลือกแล้วสำหรับชีวิตแหลกละเอียด
เจ้าของชีวิตเขาเลือกเอง และการเลือกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
3
แดนดิไลออนเป็นดอกไม้สู้ชีวิต ไม่ว่าดินจะดีหรือไม่ดี พวกมันก็พร้อมจะลอยละล่องตัวปลิวหิ้วกระเป๋าไปตั้งต้นชีวิตใหม่ในทุกที่ได้อย่างกระตือรือร้น จึงไม่แปลกถ้าเราจะพบแดนดิไลออนในเกือบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าสีเขียวในสวนหลังบ้าน ริมถนนหนทาง ในซอกหลืบของก้อนหิน หรือแม้กระทั่งตามรอยปริแตกของถนนทางเดินในเมือง ถ้าตรงไหนมีดินให้งอกชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ แดนดิไลออนก็พร้อมจะงอกเงยแบบไม่เกี่ยงสภาพ ไม่เกี่ยงแม้กระทั่งที่นั่นอาจคือลานประหารเดิมของชีวิตพวกมันเอง – สวนหลังบ้านหรือทุ่งกว้างของชาวสวนสักคน แดนดิไลออนไม่เคยถอยชีวิตเพื่อหนีความตายของตัวมันเอง
กี่ครั้งแล้วล่ะที่ชาวสวนลากรถตัดหญ้าออกมาเด็ดหัวเจ้าดอกดื้อนี่ แดนดิไลออนก็ยังโชว์เก๋าด้วยการโผล่หัวพ้นความตายของตัวเอง งอกชีวิตกลับมาเชิดหน้าใหม่อีกครั้ง…อีกทุกครั้ง…ตรงที่เดิม
ความเรียบง่ายติดดินและสู้ชีวิตของแดนดิไลออนแบบนี้แหละ มันถึงได้รับเกียรติยกย่องจากชาวสวนให้เป็น “วัชพืชน่ารำคาญ” ความน่ารำคาญของแดนดิไลออนสำหรับชาวสวนอาจนับเป็นเรื่องเล็กน้อย และบังเอิญก็เล็กน้อยมากพอที่จะฆ่าได้…แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่สำหรับชีวิตที่ถูกฆ่า ความตายคือเรื่องใหญ่เสมอในตัวของมันเอง การกลับชีวิตมาเกิดใหม่ทุกรอบหลังความตายของแดนดิไลออน คือการยืนยันต่อคำกล่าวนี้
ถ้าหากชีวิตจะไร้ค่ากว่านี้สักนิด ชีวิตอาจตายครั้งเดียวและจากไป ความตายของแดนดิไลออนคงจะไม่ดื้อด้านหลอกหลอนผู้ฆ่าด้วยการงอกชีวิตกลับมาเกิดใหม่ตรงลานสังหารเดิมอยู่แบบนี้
แต่เพราะทุกชีวิตมีค่าไง (ต่อให้เป็นวัชพืชก็เหอะ) ความตายอันไร้ค่าจึงไม่เคยมี ถ้าไม่นับบทบู๊กับชาวสวน,
จริงๆ แล้วแดนดิไลออนก็ปลิวกระจายเข้าไปในเกือบทุกอณูชีวิตของมนุษย์อย่างสนิทสนม
สำหรับฉัน, แดนดิไลออนน่ารักเสมอเวลาที่มันใส่ชุดเหลืองสดคลอเคลียตัดฉับอยู่ตามสนามหญ้าสีเขียว ในขณะที่ใครอีกหลายคนก็หลงรักแดนดิไลออนตอนที่มันเปลี่ยนจากชุดเหลืองสดไปเป็นชุดขาวฟูปุกปุย ใส่ชุดขาวทีไรแดนดิไลออนก็กลายร่างไปเป็นหนุ่มน้อยช่างเอาอกเอาใจที่พร้อมจะลอยปลิวไปตามลมอธิษฐานของใครทุกคนอย่างว่าง่าย นั่นคือชั่วขณะแห่งความหวังที่แดนดิไลออนตั้งใจปรุงเสิร์ฟมาให้เราดื่มด่ำกัน
ชีวิตที่ยัง “ได้หวัง” ย่อมดีกว่าชีวิตที่ไม่มีสิทธิ์หวังอะไรเลย – หรือใครคิดว่ายังไงกัน?
แดนดิไลออนไม่ได้เสิร์ฟแค่ “ชั่วขณะแห่งความหวัง” มาให้เรานั่งจิบดื่มกันเท่านั้นนะ มันยังเสิร์ฟทั้งยา, อาหาร, เครื่องดื่ม, และขนมหวานมาปรนเปรอชีวิตเราอีกด้วย – ผู้ชายที่เป็นได้สารพัดอย่างเพื่อเราขนาดนี้หาได้ที่นี่ที่เดียว…ที่ดอกไม้ใบหญ้านี่แหละ แล้วที่ฉันนับว่าแดนดิไลออนเป็นผู้ชาย ฉันก็นับเรื่อยเปื่อยไปตามโหราศาสตร์เขาว่ากัน ในแวดวงโหราศาสตร์ถือกันว่าแดนดิไลออนคือพืชแห่งความเป็นชาย ที่มีดาวพฤหัสและพระอาทิตย์เป็นต้นสังกัด
ดาวพฤหัสนี่คือประมุขแห่งเทพพระเจ้าทั้งมวลบนเทือกเขาโอลิมปุสเลยนะ ตาย ตาย ตาย! นี่มันพืชตระกูลคุณชายตกเทือกเขาแล้วปลอมตัวจิ้มลิ้มมาในโลกมนุษย์นี่นา
มิน่าล่ะ! ถึงได้เก่งกาจสารพัดประโยชน์กันขนาดนี้ โดยไม่ต้องไปเสิร์ชหาให้กูเกิลต้องเหนื่อย โลกมนุษย์ไม่มีนะคุณชายแบบนี้น่ะ มีแต่พวกลอยชายไปแล้วก็ลอยชายมา แล้วตัวฉันเองก็ไม่ไหวจะรดน้ำพรวนดินอุ้มชีวิตให้คุณชายที่เอาแต่ลอยไปลอยมาแบบนี้แล้วด้วย
ความอยู่ง่ายกินง่ายและสู้ชีวิตของแดนดิไลออนทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าทำไมชีวิตซึ่งแหลกละเอียดไปแล้วของเด็กชายขายหนังสือพิมพ์ถึงเลือกเจ้าดอกเล็กจ้อยนี่ในยามที่ชีวิตต้องการกำลังใจ – โดยไม่ต้องอาบน้ำร้อนมาก่อนใคร เด็กๆ ทุกคนรู้ดีว่าดอกไม้ไม่ได้เติบโตงดงามมาจากการโดนน้ำร้อนราด, ชีวิตก็ด้วย แดนดิไลออนไม่ใช่ดอกไม้ที่นั่งรอความหวังสำหรับชีวิตตัวเองแดนดิไลออนเป็นเจ้าของความหวังในชีวิตของมันเอง ทั้งความตายและการพลัดพรากปลิวไกลไปในดินแดนแปลกหน้า นั่นก็แค่เหตุผลของการถือกำเนิดใหม่อีกทุกครั้งของชีวิต…ก็เท่านั้นเอง
.
.
“ถ้าชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ ชีวิตจะโรยด้วยดอกอะไร?”
ปลายสายทวงถามซ้ำมาจากดินแดนแปลกหน้าที่ไหนสักที่ในทิวแถวยาวเหยียด น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจน
…..ชีวิตต้องการดอกไม้สักช่อ….
อ้างอิง
ROBIN L. CADW ALLADER. 2009. “The Flower Charity. Heaven
bless it!: A study of Charity in Literature and Culture.” Legacy,
Vol.26, No.2, pp. 377 – 387. University of Nebraska Press.
https://www.thepracticalherbalist.com/advanced-herbalism/dandelion-history-folklore-myth-and-magic/
https://www.bellarmine.edu/faculty/drobinson/Dandelion.asp
https://www.smithsonianmag.com/arts-culture/dandelionsfrom-lawn-to-lunch-86154645/